วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ประวัติพระชัยบารมี ตอนที่ 35 ธรรมสัญจรบำบัด จังหวัดระนอง 7-10 ธ.ค. 2561 “บารมีธรรมชุบชีวิต”



ในธรรมสัญจรครั้งนี้ระหว่างวันที่  7 -10 ธันวาคม 2561 มีจุดมุ่งหมายเพื่อ บำบัดร่างกายโดยใช้น้ำร้อนและอบไอน้ำที่บ่อน้ำร้อนสวนรุกขชาติรักษะวาริน เทศบาลเมือง จังหวัดระนอง

บ่อน้ำร้อนสวนรุกขชาติรักษะวาริน อยู่ห่างจากเขตเทศบาลเมืองระนองไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 4005 (ถนนชลระอุ) ซึ่งเลียบริมคลองหาดส้มแป้น เป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร

บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน
ที่ตั้ง : ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง จ.ระนอง 85000‎
วัน/เวลาทำการ : ทุกวัน  05.00 - 21.00 น.




ในช่วงบ่ายของวันที่ 9 ธันวาคม 2561 ระหว่างการบำบัดแช่น้ำร้อนอยู่นั้น ท่านอาจารย์เขียว บารมี ได้สังเกตเห็นคุณครูเอม ค่อยๆโน้มตัวลงทีละน้อยตามลำดับ จนปากและจมูกจะจมน้ำซึ่งผิดสังเกต จึงได้บอกให้คณะที่มาด้วยกัน นำขึ้นจากน้ำทันที คุณครูเอมมีอาการริมฝีปากแห้งผากและหมดสติตรงนั้น

ท่านอาจารย์เขียวจึงได้กล่าวคำอธิษฐานขอพรจากพระชัยบารมี ขอพลัง “บารมีธรรมชุบชีวิต”ให้กับคุณครูเอม โดย
1.ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างวางไว้บน ศีรษะและหน้าผากคุณครูเอม
2. ออกเสียงท่องคำว่า "พระชัยบารมี"เสียงดัง ซึ่ง
3. ออกเสียงสั่งคนป่วย(คุณครูเอม)ให้นึกท่องคำว่า "พระชัยบารมี"ไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่คุณครูเอมยังไม่ได้สติ
4.อาจารย์เขียวฯทั้งสั่ง ทั้งขู่ให้ผู้ป่วย อาเจียนออกมา ๆ ๆ ๆ
5.ใช้เวลานานประมาณเกือบ1ชั่วโมง ผู้ป่วยจึงสำรอก อาเจียนออกมา ทุกคนที่เห็นต่างวิตกกังวล 

ต่อจากนั้น ท่านอาจารย์เขียว กล่าวกราบนมัสการ ขอบพระทัย ขอบพระคุณพระชัยบารมี และโพธิญาณ ความดีทั้งหลายที่ประทานพรให้ "บารมีธรรมชุบชึวิต" พอกล่าวจบ ก็มีลมกระโชกมาอย่างแรงมาที่ร่างของครูเอมทันที (ดูจากคลิป) สักพักก็สามารถลุกขึ้นได้และฟื้นคืนสติเมื่อได้สวมสร้อยพระชัยบารมี สภาพร่างกายเป็นปกติแข็งแรงสดชื้น  

ภายหลัง คุณครูเอมได้มีคำกล่าวเพิ่มเติม ดังนี้
“ข้าพเจ้านางอุษากร จุลเสน(คุณครูเอม) ขอกราบขอบพระทัยเสด็จปู่พระชัยบารมี ท่านอาจารย์ยม และคณะพระศาสดาทุก ๆพระองค์ และขอบคุณญาติธรรมทุกคนที่ดูแลเป็นห่วงเป็นไยในการพลิกฟื้นชีวิตกลับมาเป็นปกติ
พระชัยบารมี ๑ ถึง พระชัยบารมี ๑๑...
และบุคคลที่ข้าพเจ้ามิอาจลืมได้ในการช่วยชีวิตของข้าพเจ้าในครั้งนี้ก็คือ พ่อเขียว บารมี ขอขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ...”



วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ประวัติพระชัยบารมี ตอนที่ 34 แพทย์แผนอนาคต



ขอนำเรื่องของ"พระชัยบารมี" เสนอให้ท่านได้อ่าน เป็นเรื่องจริง ที่ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจากท่านอาจารย์เขียว ครับ

โรคภัยไข้เจ็บทุกวันนี้ นับวันจะมีโรคใหม่ๆเกิดขึ้นตลอดเวลา โรคในปัจจุบันที่เป็นแล้ว นอกจากจะมีผลกระทบต่อผู้ป่วยโดยตรงให้มีความทุกข์ทรมานใจมากแล้ว ยังมีผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อครอบครัว สังคมและประทศชาติ ที่สำคัญ เช่น โรคเอดส์ โรคติดยาเสพติด เป็นต้น ที่ภูมิความรู้ทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบันยังไม่สามารถทำให้หายขาดได้

ท่านยังมีความหวัง ไม่ต้องรอคอยกันนานอีกต่อไป "พระชัยบารมี"ท่านมีเมตตาบำบัดให้ โดยผ่านท่านอาจารย์เขียว บารมี เป็นผู้เชื่อมโยงแพทย์แผนอนาคตมาดำเนินการบำบัดในปัจจุบัน ให้หายทันตาเห็นให้หายทันใจเห็น ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ใหม่โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ แต่เป็นเครื่องมือเหนือวิทยาศาสตร์ ผู้ป่วยจะต้องสมัครใจบำบัดแพทย์ทางเลือกโดยวิชา"จิตบำบัด" เรียกว่าแพทย์แผนอนาคตก็ได้ เสมือนเป็นเครื่องมือเหนือวิทยาศาสตร์ ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า สำหรับผลการบำบัด ท่านสามารถทราบได้จากการตรวจสอบของแพทย์ประจำตัวของท่านเอง หรือ จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางท่านอื่นที่โรงพยาบาลจะเป็นผู้ให้คำตอบแก่ท่าน ผ่านอุปกรณ์ทางการแพทย์อันทันสมัย ผู้ที่รับการบำบัดที่นี่ส่วนใหญ่ต้องการได้รับหนังสือรับรองแพทย์เพื่อเข้าสมัครงาน หรือเปลี่ยนงานใหม่ ทุกท่านจะได้หนังสือรับรองแพทย์สมความปรารถนาทุกท่าน หายจากโรคแล้วยังได้งานทำใหม่อีกด้วย นับว่าแปลก แต่เป็นเรื่องจริง





อ่านเพิ่มเติม...

ท่านอาจารย์เขียวกล่าวตลอดเวลาว่า...
นี่คือ ความศักดิ์สิทธิ์ ของพระชัยบารมี เหนือคำบรรยาย พลังทั้งปวง เท่าที่ได้แสวงบุญ ไปหลายประเทศ ทั้งค้นและคว้าศึกษาต่างๆนาๆมาแล้วมากมาย

“จิตเป็นนาย” (คือต้องการ) กายเป็นบ่าว(กายตกเป็นลูกน้องของจิต)
“สวดมนต์เป็นยาทา" (คือความศรัทธาและต้องการ)
“ภาวนาเป็นยากิน” (ปฏิบัติตามที่บอกให้ท่องภาวนา)
ผล...ได้รับชัยชนะทุกโรคภัยไข้เจ็บ ดังเจตนาอธิษฐาน ครับ...

ท่านสามารถศึกษาค้นคว้าเอกสารหลักฐานทางราชการ ประกาศเกียรติคุณระดับชาติ ของท่านอาจารย์เขียว บารมี ตลอดจน คลิปวีดีโอ จากเวบพระชัยบารมี https://phrachaibaramee.blogspot.com/ ได้โดยสะดวก และขอยืนยันว่าเป็นความจริงทุกประการ


ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่านผู้อ่านทุกเมื่อเทอญ


วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ประวัติพระชัยบารมี ตอนที่ 33 ธรรมสัญจรบำบัด ณ ประเทศเนปาล 26 -29 ตุลาคม 2561




ประวัติพระชัยบารมี ตอนที่ 33
ธรรมสัญจรบำบัด นำโดย พ.ต.ท.เขียว บารมี
ณ ประเทศเนปาล 26 -29 ตุลาคม 2561
กาฐมัณฑุ เนปาล สถูปสวะยัมภูนาถ ย่านทาเมล ระบำเนปาลี
จัตุรัสกาฐมัณฑุ เทพธิดากุมารี วัดพุธนิลกัณฑะ กาฐมัณฑุ
เจดีย์โพธินาถ เมืองปักตะปูร์ เมืองธุลิเขล



วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ประวัติพระชัยบารมี ตอนที่ 32 “ศาลปู่เขียว”


ขอนำเรื่องของ"พระชัยบารมี" เสนอให้ท่านได้อ่าน เป็นเรื่องจริง ที่ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจากท่านอาจารย์เขียว บารมีครับ

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2525 ท่านอาจารย์เขียว นามเดิมขณะนั้น ร้อยตำรวจตรี จิระ บารมี ตำแหน่ง รอง สารวัตรปราบปราม สถานีตำรวจภูธรอำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย ได้รับคำสั่งแต่งตั้งเป็น รองสารวัตร ทำหน้าที่หัวหน้า หน่วยปฏิบัติการพิเศษกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย(นปพ.ภ.จว.นค.) 



ในตอนนั้นมี ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์(ผกค.) รวมทั้งฝั่งลาวก็เป็น ลัทธิคอมมิวนิสต์ โดยจีนยึดครอง ก่อนที่จะไปรับตำแหน่ง ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ(นปพ.)ได้ต่อสู้กับผกค.และเสียชีวิตไปหลายนาย ท่านอาจารย์เขียวเห็นว่าที่ดินนปพ.มีเนื้อที่กว้างขวาง เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาและครอบครัว จึงได้เลือกสถานที่สร้างเนินดินและเสียสละเงินส่วนตัว ซื้อศาลพระภูมิ ช่วยกันสร้างจนสง่างาม แล้วนำกระทำพิธีอัญเชิญ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายๆทั้งปวง ขึ้นอยู่ที่ศาลในที่ตั้งนปพ. จากนั้น นปพ.พร้อมครอบครัวทุกคนเมื่อผ่านไปบริเวณนั้น ต่างก็ยกมือไหว้ขอพร กันมาโดยตลอด ยิ่งเมื่อนปพ.ทุกคนออกสนาม ก็จะกราบขอพรเสมอ ด้านหลังศาลพระภูมิ ท่านอาจารย์เขียวได้จัดทำสนามเปตองไว้ เพื่อให้เล่นกีฬาเปตองกันในยามว่าง

ครั้นต่อมาศูนย์ลาวอพยพของจังหวัดหนองคายเกิดไฟไหม้ คนลาวไม่มีที่พักหลับนอน ท่านผู้กำกับการภูธรจังหวัดหนองคาย ได้ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย นำคนลาวอพยพทั้งหมด เข้ามาพักอาศัยนอนที่ กองร้อย นปพ. และให้หัวหน้า นปพ.ภ.จว.นค. พร้อมกำลังนปพ.ทุกนาย ควบคุมดูแลผู้อพยพลาวเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับอย่างเคร่งครัด ช่วงนี้เอง ทุกๆคนจะออกไปไหนมาไหนต้องผ่านศาลพระภูมิ นปพ.สังเกตุดูทุกคนจะหยุดไหว้ศาล ทุกครั้ง ปัญหาอุปสรรคต่างๆก็ไม่มี มีแต่ความเจริญก้าวหน้านปพ.หนองคายสร้างงาน ในทุกรูปแบบจนทุกหน่วยงานให้เกียรติ

ท่านอาจารย์เขียวได้ริเริ่ม ตั้งวงดนตรี นปพ.หนองคาย ออกรณรงค์ต่อสู้ผกค. ปลูกฝังความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทุกอำเภอ และหลายๆหมู่บ้าน ในเขตพื้นที่ จังหวัดหนองคาย นปพ.หนองคายโดยมี ท่านอาจารย์เขียว บารมี เป็นหัวหน้า นำราษฎร พัฒนา หมู่บ้าน  ทั้งได้จัดรายการวิทยุกระจายเสียงสถานีกรมประชาสัมพันธ์ จังหวัดหนองคาย นปพ.นค.ทุกคนมีเครื่องยึดเหนี่ยวในค่ายคือ ศาลพระภูมิที่หัวหน้า นปพ.ได้อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเสด็จลงมาประจำศาลให้ทุกคนได้ขอพร ตั้งศาลแล้วมีแต่ความเจริญก้าวหน้าสูงส่ง

 

 
  

ตอนนั้นบ้างานจนเป็นไข้ มาลาเรีย ขึ้นสมอง 



มีฉายาว่า"สางเขียว" ดูหน้าตาก็รู้ว่าโหดขนาดไหน ที่ไหนๆทุกแห่ง แม้แต่พระคุณเจ้า รวมทั้งหลวงปู่เทศน์ วัดหินหมากแป้ง ท่านก็เรียกตามชาวบ้านว่า "สางเขียว"

ช่วงนั้น คุณบานเย็น รากแก่น ก็ร่วมสนุกสนานร้องเพลงใน นปพ. ตอนขณะที่ท่านอาจารย์เขียว ได้เป็นข้าราชพลเรือนดีเด่น ประกาศเกียรติคุณจาก ฯพณฯ พลเอกเปรมฯ นายกรัฐมนตรี ในเวลานั้น

ปัจจุบันนี้ สำนักงานหรือกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคายได้ย้ายไปสร้างและตั้งที่ทำการอยู่ที่ตั้งนปพ. วันสำคัญ วันตำรวจ ผู้บังคับการ ข้าราชการตำรวจ ได้ประกอบพิธีใหว้สักการะที่ศาล ดังกล่าวข้างต้น มาโดยตลอดแต่ที่ไม่น่าเชื่อและแปลกมากๆคือ ศาลดังกล่าว มีชื่อว่า "ศาลปู่เขียว"


 

 

บ้านพัก หน.นปพ.ภ.จว.นค. อยู่เยื้องๆฝั่งตรงข้าม "ศาลปู่เขียว"

ส่วนผู้บังคับการตำรวจภูธร ท่านใดเมื่อมารับตำแหน่งใหม่ หรือมีงานวันตำรวจ ก็จะไปประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่ "ศาลปู่เขียว"

ท่านอาจารย์เขียว ยังไม่เสียชีวิต แต่มีศาลสถิตแล้ว ก็เป็นเรื่องแปลก เพิ่งทราบเมื่อวันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม 2561 เวลาประมาณ 10.00น.ท่านอาจารย์เขียวได้มีโอกาสโทรคุยกับท่าน รองผู้กำกับการฯ พ.ต.ท.พลาย นมเนย หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติดของ ศูนย์ต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด (ศตส.) จังหวัดอุทัยธานี (เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเก่า สมัยเป็นกำลังพล นปพ.ภ.จว.หนองคาย) แจ้งว่า อาจารย์เขียว หรือสางเขียว หรือ พ.ต.ท.เขียว บารมี นั้น เสียชีวิตไปนานแล้วร่ำลือตามคนหนองคายบอก

“จากไอ้เขียว อ้ายเขียว เป็นสางเขียว เป็นอาจารย์เขียว เป็นปู่เขียว มีศาลสถิต ส่วนญาติธรรมก็จะเรียกคำว่า"พ่อเขียว" คนไม่เคยสนทนากันหรือรับรู้เรื่องราวของ เขียว บารมี มาก่อน ก็คงบ่น ว่า คนบ้า เพี้ยน เพ้อเจ้อ มุสา หลอกลวง แก๊ง ต้มตุ๋น ประสาท ฯลฯ ที่จริงแล้วต้องเรียกว่า "คนดีใกล้บ้า" น่าจะถูกต้องกระมังครับ....”

ท่านอาจารย์เขียวได้กล่าวไว้เป็นปุจฉา...  ขอจบเรื่องจริงอีกหนึ่งตอนครับ




วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ประวัติพระชัยบารมี ตอนที่ 31 "บารมีธรรมชุบชีวิต"



ขอนำเรื่องของ"พระชัยบารมี" เสนอให้ท่านได้อ่าน เป็นเรื่องจริง ที่ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจากท่านอาจารย์เขียว บารมีครับ

เมื่อครั้งที่ท่านอาจารย์เขียว ดำรงตำแหน่งเป็นสารวัตรหัวหน้าสถานีตำรวจภูธรตำบลเวียงคุก  อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ในช่วงนั้นประมาณกลางปีปลาย 2541 พลตำรวจโท ดิเรก สงคศิริ ท่านเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ขอนแก่น (ผบช.ภ.4) ก่อนท่านเกษียณ ท่านได้เดินทางไปประชุมข้าราชการตำรวจภูธรชั้นสัญญาบัตร ที่หอประชุมศาลากลางจังหวัดหนองคาย ในขณะที่กำลังประชุมอยู่นั้นท่านมีอาการตัวอ่อน พูดเสียงเบาลง หายใจอ่อนระทวย แล้วมีลักษณะคล้ายจะเป็นลม ท่านได้รวบรวมกำลัง แล้วตะโกนขึ้นว่า "เขียว...เขียวช่วยด้วย" ท่านอาจารย์ เขียว ก็รีบวิ่งไปหาท่านฯ ในขณะนั้นท่านอาจารย์เขียว มียศพันตำรวจโทและด้วยถือใจซื่อ มีความเคารพนบนอบต่อผู้ใหญ่ จึงได้กล่าวคำขออนุญาต เพื่อจับศีรษะ ท่านฯพยักหน้า ด้วยความผูกพันเลือดนักรบ ตชด. ท่านฯไม่รู้จะเรียกใครเลย เรียกชื่อ ท่านอาจารย์เขียวได้คนเดียว ส่วนข้าราชการตำรวจสัญญาบัตรทุกนาย รวมทั้งท่านผู้ว่าราชการจังหวัดก็ตกตะลึงกัน ท่านอาจารย์เขียวรีบวิ่งเข้าไปยืนด้านหลังเก้าอี้ท่านฯแล้วใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างวางบนศีรษะของท่านผบช.ภ.4 แล้วท่านอาจารย์เขียว ได้ท่องคำว่า"พระชัยบารมี" โดยบอกให้ท่านผบช.ภ. 4 ท่องด้วย ส่วนท่านอาจารย์เขียว ออกเสียงดังลั่นห้องและถี่ขึ้น ด้วยคำว่า "พระชัยบารมี" ข้าราชการตำรวจสัญญาบัตร ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ จังหวัดหนองคาย ตกตะลึงงันกันไปหมด เมื่อได้สติก็เตรียมหารถพยาบาล ท่านอาจารย์เขียว ภาวนาออกเสียงนาน แต่คงจะไม่ถึง 11นาที ปรากฏว่า ท่านผยช.ภ.4 ดิเรกฯมีเหงื่อซึมออกมา แล้วท่านบอกว่าหายใจสะดวก และหายแล้ว ได้กล่าวขอบใจท่านอาจารย์เขียวในที่ประชุมว่า “อาการท่านหมดแรงจะหยุดหายใจเพราะมีโรคประจำตัว...” และกล่าวต่อว่า “...เขียว บารมี เป็นนักรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับผม เมื่อครั้งเป็นตำรวจตระเวนชายแดน(ตชด.)อยู่ที่กันทรลักษณ์ ใครจะมองอย่างโร ผมไม่ว่า แต่ผมเชื่อมั่นว่าเขียวมันช่วยชีวิตผมได้ก็แล้วกัน...”

หลังจากนั้นมา ท่านพล.ต.ต.นภา ปาณิกบุตร ผบก.ภ.จว.หนองคายก็เอาเรื่องนี้ไปเล่าเป็นเรื่องตลกในระดับผู้บังคับบัญชาชั้นสูงว่า "เกิดมาเพิ่งเห็นนี่แหละโว้ย ที่คนแต่งเครื่องแบบยศพันตำรวจโทจับหัวคนแต่งเครื่องแบบยศ พล.ต.ท. แปลกแต่จริงโว้ย นึกว่าจะมีแต่นิทานที่ว่า"หนูช่วยราชสีห์" นิทานอีสป หนูกับราชสีห์ แต่นี่มันเป็นเรื่องจริงเห็นกับตา...” ท่านพล.ต.ต.นภาฯ ไปที่ไหน ท่านก็จะเอาไปเล่าเกือบทุกที่ เท่ากับท่านได้ประชาสัมพันธ์ ให้ชื่อพ.ต.ท.เขียว บารมี เป็นที่รู้จักกันไปทั่ว

ขอจบตอนที่ 31 “บารมีธรรมชุบชีวิต” เพียงเท่านี้ ครับ



วันศุกร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2561

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๑


ด้วยพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ
และอำนาจศักดิ์สิทธิ์แห่งองค์พระชัยบารมี จงดลบันดาลให้
สิ่งที่ขุ่นมัวชั่วร้าย โรคภัยไข้เจ็บ ความทุกข์กายทุกข์ใจ มลายสิ้นไป
ขอให้มีแต่ความสุข ความเจริญ อุดมด้วยโภคทรัพย์
และอริยทรัพย์ แด่ท่านผู้อ่านทุกท่านตลอดปี ๒๕๖๑
และตลอดไป เทอญ


vvv พันตำรวจโทเขียว บารมี vvv