วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ประวัติพระชัยบารมี ตอนที่ 32 “ศาลปู่เขียว”


ขอนำเรื่องของ"พระชัยบารมี" เสนอให้ท่านได้อ่าน เป็นเรื่องจริง ที่ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจากท่านอาจารย์เขียว บารมีครับ

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2525 ท่านอาจารย์เขียว นามเดิมขณะนั้น ร้อยตำรวจตรี จิระ บารมี ตำแหน่ง รอง สารวัตรปราบปราม สถานีตำรวจภูธรอำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย ได้รับคำสั่งแต่งตั้งเป็น รองสารวัตร ทำหน้าที่หัวหน้า หน่วยปฏิบัติการพิเศษกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย(นปพ.ภ.จว.นค.) 



ในตอนนั้นมี ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์(ผกค.) รวมทั้งฝั่งลาวก็เป็น ลัทธิคอมมิวนิสต์ โดยจีนยึดครอง ก่อนที่จะไปรับตำแหน่ง ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ(นปพ.)ได้ต่อสู้กับผกค.และเสียชีวิตไปหลายนาย ท่านอาจารย์เขียวเห็นว่าที่ดินนปพ.มีเนื้อที่กว้างขวาง เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาและครอบครัว จึงได้เลือกสถานที่สร้างเนินดินและเสียสละเงินส่วนตัว ซื้อศาลพระภูมิ ช่วยกันสร้างจนสง่างาม แล้วนำกระทำพิธีอัญเชิญ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายๆทั้งปวง ขึ้นอยู่ที่ศาลในที่ตั้งนปพ. จากนั้น นปพ.พร้อมครอบครัวทุกคนเมื่อผ่านไปบริเวณนั้น ต่างก็ยกมือไหว้ขอพร กันมาโดยตลอด ยิ่งเมื่อนปพ.ทุกคนออกสนาม ก็จะกราบขอพรเสมอ ด้านหลังศาลพระภูมิ ท่านอาจารย์เขียวได้จัดทำสนามเปตองไว้ เพื่อให้เล่นกีฬาเปตองกันในยามว่าง

ครั้นต่อมาศูนย์ลาวอพยพของจังหวัดหนองคายเกิดไฟไหม้ คนลาวไม่มีที่พักหลับนอน ท่านผู้กำกับการภูธรจังหวัดหนองคาย ได้ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย นำคนลาวอพยพทั้งหมด เข้ามาพักอาศัยนอนที่ กองร้อย นปพ. และให้หัวหน้า นปพ.ภ.จว.นค. พร้อมกำลังนปพ.ทุกนาย ควบคุมดูแลผู้อพยพลาวเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับอย่างเคร่งครัด ช่วงนี้เอง ทุกๆคนจะออกไปไหนมาไหนต้องผ่านศาลพระภูมิ นปพ.สังเกตุดูทุกคนจะหยุดไหว้ศาล ทุกครั้ง ปัญหาอุปสรรคต่างๆก็ไม่มี มีแต่ความเจริญก้าวหน้านปพ.หนองคายสร้างงาน ในทุกรูปแบบจนทุกหน่วยงานให้เกียรติ

ท่านอาจารย์เขียวได้ริเริ่ม ตั้งวงดนตรี นปพ.หนองคาย ออกรณรงค์ต่อสู้ผกค. ปลูกฝังความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทุกอำเภอ และหลายๆหมู่บ้าน ในเขตพื้นที่ จังหวัดหนองคาย นปพ.หนองคายโดยมี ท่านอาจารย์เขียว บารมี เป็นหัวหน้า นำราษฎร พัฒนา หมู่บ้าน  ทั้งได้จัดรายการวิทยุกระจายเสียงสถานีกรมประชาสัมพันธ์ จังหวัดหนองคาย นปพ.นค.ทุกคนมีเครื่องยึดเหนี่ยวในค่ายคือ ศาลพระภูมิที่หัวหน้า นปพ.ได้อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเสด็จลงมาประจำศาลให้ทุกคนได้ขอพร ตั้งศาลแล้วมีแต่ความเจริญก้าวหน้าสูงส่ง

 

 
  

ตอนนั้นบ้างานจนเป็นไข้ มาลาเรีย ขึ้นสมอง 



มีฉายาว่า"สางเขียว" ดูหน้าตาก็รู้ว่าโหดขนาดไหน ที่ไหนๆทุกแห่ง แม้แต่พระคุณเจ้า รวมทั้งหลวงปู่เทศน์ วัดหินหมากแป้ง ท่านก็เรียกตามชาวบ้านว่า "สางเขียว"

ช่วงนั้น คุณบานเย็น รากแก่น ก็ร่วมสนุกสนานร้องเพลงใน นปพ. ตอนขณะที่ท่านอาจารย์เขียว ได้เป็นข้าราชพลเรือนดีเด่น ประกาศเกียรติคุณจาก ฯพณฯ พลเอกเปรมฯ นายกรัฐมนตรี ในเวลานั้น

ปัจจุบันนี้ สำนักงานหรือกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคายได้ย้ายไปสร้างและตั้งที่ทำการอยู่ที่ตั้งนปพ. วันสำคัญ วันตำรวจ ผู้บังคับการ ข้าราชการตำรวจ ได้ประกอบพิธีใหว้สักการะที่ศาล ดังกล่าวข้างต้น มาโดยตลอดแต่ที่ไม่น่าเชื่อและแปลกมากๆคือ ศาลดังกล่าว มีชื่อว่า "ศาลปู่เขียว"


 

 

บ้านพัก หน.นปพ.ภ.จว.นค. อยู่เยื้องๆฝั่งตรงข้าม "ศาลปู่เขียว"

ส่วนผู้บังคับการตำรวจภูธร ท่านใดเมื่อมารับตำแหน่งใหม่ หรือมีงานวันตำรวจ ก็จะไปประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่ "ศาลปู่เขียว"

ท่านอาจารย์เขียว ยังไม่เสียชีวิต แต่มีศาลสถิตแล้ว ก็เป็นเรื่องแปลก เพิ่งทราบเมื่อวันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม 2561 เวลาประมาณ 10.00น.ท่านอาจารย์เขียวได้มีโอกาสโทรคุยกับท่าน รองผู้กำกับการฯ พ.ต.ท.พลาย นมเนย หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติดของ ศูนย์ต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด (ศตส.) จังหวัดอุทัยธานี (เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเก่า สมัยเป็นกำลังพล นปพ.ภ.จว.หนองคาย) แจ้งว่า อาจารย์เขียว หรือสางเขียว หรือ พ.ต.ท.เขียว บารมี นั้น เสียชีวิตไปนานแล้วร่ำลือตามคนหนองคายบอก

“จากไอ้เขียว อ้ายเขียว เป็นสางเขียว เป็นอาจารย์เขียว เป็นปู่เขียว มีศาลสถิต ส่วนญาติธรรมก็จะเรียกคำว่า"พ่อเขียว" คนไม่เคยสนทนากันหรือรับรู้เรื่องราวของ เขียว บารมี มาก่อน ก็คงบ่น ว่า คนบ้า เพี้ยน เพ้อเจ้อ มุสา หลอกลวง แก๊ง ต้มตุ๋น ประสาท ฯลฯ ที่จริงแล้วต้องเรียกว่า "คนดีใกล้บ้า" น่าจะถูกต้องกระมังครับ....”

ท่านอาจารย์เขียวได้กล่าวไว้เป็นปุจฉา...  ขอจบเรื่องจริงอีกหนึ่งตอนครับ