วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

ฮือฮาพ.ต.ท."จิตบำบัด" รักษาเอดส์ 3 วันอาการกลับหายเป็นปลิดทิ้ง

ข่าวจาก นสพ. ข่าวสด ฉบับวันที่ 4 มิ.ย. 2547

ฮือฮาหนุ่มหนองคายหายป่วยจากโรคเอดส์ปาฎิหาริย์ หลังรักษาด้วยการบำบัดด้วยวิธีจิตบำบัด เพียง3วันอาการกลับหายเป็นปลิดทิ้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ป่วยระยะสุดท้ายนอนรอความตายอย่างเดียว แม่เผยลูกชายติดเอดส์จากผู้หญิงหากินในกทม. เลยกลับบ้านมารักษาในร.พ.หนองคาย พอดีมีญาติชี้ทางสว่างเลยไปทดลองปรากฎว่าหายจริง"พ.ต.ท."ผู้รักษาอ้างเป็นการบำบัดทางจิต ด้วยการอธิษฐานขอพรจากพระชัยบารมี โรคไมเกรนก็รักษาได้

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 2547 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีเสียงชาวบ้านร่ำลือกันว่า มีผู้ป่วยเป็นโรคเอดส์จนถึงขั้นสุดท้าย นอนรอวันตายอยู่ที่บ้าน และต่อมาได้ไปรักษาด้วยวิธีบำบัดจิตที่บ้านโพนสวรรค์ ต.สระใคร กิ่ง อ.สระใคร จ.หนองคาย กระทั่งคนป่วยสามารถเดิน ทำงานไถนาได้เป็นปกติ และยังขับขี่รถจักรยานยนต์ได้โดยไม่มีอาการป่วยให้เห็นแต่อย่างใด จึงเดินทางไปตรวจสอบ

จากการสอบถามนางสายทอง สิงหา อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 310 ม.6 ต.สระใคร กิ่ง อ.สระใคร เปิดเผยว่า เรื่องที่ชาวบ้านลือกันนั้นเป็นเรื่องจริง โดยบุตรชายของตนคือ นายอุทัย สิงหา อายุ 31 ปี ไปทำงานในกทม. และติดเอดส์มาจากการเที่ยวผู้หญิงหากิน มีอาการป่วยเรื่อยมา จึงเข้ารักษาตัวที่ร.พ.หนองคาย ก่อนจะกลับมาอยู่บ้าน โดยบุตรชายมีอาการไออยู่ตลอดเวลา กินไม่ได้ ร่างกายผอมลงเรื่อยๆ และมีตุ่มขึ้นเต็มตัว ญาติพี่น้องก็ทำใจรอวันเสียชีวิตอย่างเดียว เพราะคิดว่าไม่มีโอกาสหายแล้ว

นางสายทอง กล่าวต่อว่า ต่อมามีญาติซึ่งมีภรรยาอยู่ที่ต.เซิม อ.โพนพิสัย แนะนำให้พาลูกชายไปทำพิธีจิตบำบัด กับ พ.ต.ท.เขียว บารมี รองผกก.หน.สภ.ต.เซิม เพราะเคยมีผู้ป่วยเอดส์ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับนายอุทัย และมีสภาพร่างกายเหมือนกัน คือ ผอมเหมือนไม้เสียบผี มีน้ำเหลืองไหลเต็มตัว และนอนรอวันตายเหมือนกัน แต่เมื่อไปทำพิธีจิตบำบัดกับพ.ต.ท.เขียวกลับหายป่วย หมอตรวจก็ไม่พบเชื้อเอดส์ และร่างกายแข็งแรงขึ้น อาการต่างๆ ที่เคยเป็นก็หายเป็นปลิดทิ้ง จึงพานายอุทัย ขึ้นรถไปพบพ.ต.ท.เขียวเพื่อทำพิธีจิตบำบัด โดยวิธีการขออำนาจจากพระชัยบารมี ซึ่งเป็นพระพุทธรูป ที่หล่อด้วยทองสีบวบ ขนาดหน้าตักกว้าง 9 นิ้ว แล้วให้อธิษฐานขอยาสารพัดนึกจากนั้นนำใบโพ ที่เห็นอยู่ทั่วไปมาต้ม อาบ กิน ตลอดการทำพิธี 3 วันจึงเดินทางกลับบ้านเนื่องจากไม่มีที่พัก เพราะต้องอาศัยบ้านคนอื่นอยู่ และเมื่อเจ้าของบ้านรู้ว่าป่วยเป็นโรคเอดส์ก็ไม่ให้อยู่

นางสายทอง กล่าวอีกว่า กระทั่งวันที่ 19 เม.ย. ที่ผ่านมา อาการต่างๆ ของลูกชาย ก็ค่อยๆ หายไปทีละน้อย น้ำหนักก็ค่อยๆ ขึ้นจากเดิมก่อนป่วยหนัก 66 ก.ก. พอมาป่วยเหลือ 44 ก.ก. แต่หลังจากรักษาแล้วปัจจุบันหนัก 56 ก.ก. ตุ่มสีดำที่เคยขึ้นตามร่างกายและใบหน้าจนเป็นสีดำ ก็กลายเป็นสีน้ำตาลอ่อน และใบหน้ายังสดใส มีน้ำมีนวลดูสดชื่น หากคนไม่รู้จักก็จะดูไม่รู้ว่าเคยป่วยมาก่อน คงจะมีเพียงร่องรอยภายนอกคือตุ่มสีน้ำตาลที่เป็นรอยอยู่เท่านั้น

ส่วนนายอุทัย เปิดเผยว่า ได้อธิษฐานกับพระบารมีไว้ว่า จะบริจาคตัวเองเป็นวิทยาทานพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความจริง ไม่อาย อนุญาตให้นำรูปออกหนังสือพิมพ์ได้ คนที่ป่วยอยู่อาจมีกำลังใจและมีทางรักษา พ.ต.ท.เขียว มีเมตตามาก บอกว่านี่ไม่ใช่การรักษา แต่เป็นการบำบัดจิต เพราะท่านให้ตนกล่าวนะโม และกล่าวคำว่าสาธุ 11 ครั้ง แล้วขอพรจากพระชัยบารมีซึ่งเป็นพระพุทธรูป โดยในขณะที่ทำพิธีนั้นมีเหงื่อไหลออกมาตามรูขุมขน เหมือนกับว่าพิษต่างๆ ในร่างกายตนจะออกมา โดยปฏิบัติอยู่ 3 วัน โดยก่อนจะกลับ พ.ต.ท.เขียว ให้ท่องนะโม กล่าวสาธุ 11 ครั้ง ขอพรจากพระชัยบารมี แล้วเด็ดเอาใบยาสารพัดนึก ซึ่งเป็นใบโพ มาสาธุ 1 ครั้ง ทำเรื่อยไปจนครบ 11 ครั้ง 11 ใบแล้วนำมาต้มดื่ม อาบ ซึ่งจากที่ตนเดินไม่ได้ เพราะเหนื่อยไม่มีแรง กลับมีแรงออกไปทำนาได้

"นอกจากการดื่ม อาบ อบ ยาสารพัดนึกแล้ว ยาอย่างอื่นกินไม่ได้เลย แต่อาการกลับดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผมต้องทำจิตบำบัดที่บ้านทุกวัน ทำให้ชาวบ้านต่างสงสัยในความปาฏิหาริย์ของพระชัยบารมี โดยเพื่อนคนหนึ่งที่อายุเท่ากัน ป่วยจนรอวันตาย มีน้ำเหลืองไหล ร่างกายเห็นแต่กระดูก แต่หลังจากไปทำจิตบำบัดกลับหาย ไปตรวจ หมอก็ไม่พบเชื้อและหมอยังบอกว่าสามารถมีบุตรกับภรรยาได้ ขณะนี้ทำงานอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี" นายอุทัย กล่าว

ด้านพ.ต.ท.เขียว เปิดเผยถึงการรักษานายอุทัย ว่า เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ญาติๆ พานายอุทัยเข้ามารับการบำบัด โดยตนไม่ทราบว่าป่วยเป็นโรคอะไร เห็นถูกอุ้มลงจากรถยนต์ในสภาพอ่อนเพลีย เดินไม่ได้ ต้องให้ญาติพยุง จากนั้นก็เริ่มการบำบัด 3 ขั้นตอน คือ จิตบำบัด บำบัดจิต และปฏิบัติจิต เริ่มจากการนั่งเหยียดขา หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ภาวนาจิตขอพรจากพระชัยบารมี จากนั้นผู้ป่วยจะค่อยๆ นอนลงโดยไม่รู้สึกตัว ตัวเกร็งกำหมัดแน่น ท้องจะมีอาการเหมือนคนหายใจแรงๆ มียุบ มีพอง ต่อมาเหงื่อจะออกตามรูขุมขน ตามที่มีตุ่มเกิดขึ้น เหงื่อไหล แสดงว่ามีการขับพิษจากร่างกาย วันที่ 2 ก็จะให้ทำเหมือนเดิม แต่จะเพิ่มยาสารพัดนึกเข้าไปอีก จนถึงวันที่ 3 จึงให้ผู้ป่วยกลับบ้าน และให้ไปทำตามกรรมวิธีทุกวัน

พ.ต.ท.เขียว กล่าวว่า วันที่ 28 พ.ค. ตนได้ไปเยี่ยมผู้ป่วยที่บ้าน ก็พบว่ามีสุขภาพดีขึ้น สามารถเดินได้ ออกไปทำนาได้เหมือนคนทั่วไป ร่างกายจากที่หน้าดำ ตัวดำ ปากแดง ก็หายกลายเป็นคนละคนกับวันแรก ก่อนหน้านี้ผู้ป่วยเช่นเดียวกับนายอุทัยก็ไปบำบัด แต่รายนั้นมีอาการมากกว่านายอุทัย เพราะถึงขนาดน้ำเหลืองไหล เกิดตุ่มเต็มตัวสุดท้ายก็หาย ขณะนี้ไปทำงานที่ จ.กาญจนบุรี และหมอตรวจแล้วไม่พบเชื้อ นอกจากนี้โรคไมเกรนที่หลายคนเป็น ก็สามารถหายได้เมื่อมาขอพรจากพระชัยบารมี

คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยาย
ที่มา:http://www.mthai.com/square/news/news80279.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น