วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ประวัติพระชัยบารมี ตอนที่ 40 ท่านอาจารย์ พ.ต.ท.เขียว บารมี ในวัยเด็ก


 


 

 



ท่านอาจารย์เขียวเล่าให้ฟังว่า คุณแม่และคุณอาแม่ชีละมูลซึ่งเป็นน้องสาวของคุณพ่อเป็นผู้เล่าให้ท่านฟัง
๑. ท่านอาจารย์เขียว เกิดที่อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๐ ชื่อเด็กชาย จิระ บารมี ชื่อเล่นว่า “เขียว”
๒. เมื่ออายุได้ประมาณ ๒ ขวบ มีโจรบุกปล้นบ้านในเวลากลางคืน บิดาเป็นคนจังหวัดลพบุรีต่อสู้กับโจร บิดาถูกโจรยิงเสียชีวิต
๓. จากนั้นคุณแม่ได้พร้อมด้วยคุณยายได้อพยพย้ายมาอยู่ที่ ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
๔. อายุได้ประมาณ ๕ ขวบ คุณอาแม่ชีละมูล บารมี ทราบข่าวว่าคุณแม่มีสามีใหม่และมีลูกสาวแล้ว จึงมาขอหลานชายเขียวไปอุปการะและเลี้ยงดู คุณแม่ยินดียกให้คุณอา
๕. คุณอาละมูลซึ่งเป็นแม่ชีได้นำมาอุปการะเลี้ยงดูที่วัดป่าธรรมโสภณ (ปัจจุบันชื่อวัดศรีธรรมโสภณ) ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี โดยได้นำมาถวายต่อหลวงพ่อฉาย สุวรรณศร เจ้าอาวาส วัดป่าธรรมโสภณ ลพบุรี หลวงพ่อท่านเมตตารับไปอุปการะและให้อยู่กุฏิของท่านตั้งแต่นั้นมา เป็นเด็กวัดที่มีอายุน้อยที่สุด ที่ หลวงพ่อฉายฯ ท่านรับไว้อุปการะเพียงคนเดียว ปกติโดยทั่วไปเด็กวัดจะต้องมีอายุ ๗ ขวบขึ้นไป

เนื่องจากเป็นเด็กที่ตัวเล็กที่สุดและอายุน้อยที่สุด หลวงพ่อท่านจึงมอบภารกิจให้ "แปลไทยเป็นไทย"ความหมายก็คือ"หลวงพ่อฉาย"ท่านอายุมากการรับฟังเสียงได้ยินเบามากหรือแทบจะไม่ได้ยิน(หูตึงมาก) ถ้าจะให้ท่านได้ยินต้อง พูดเสียงดังๆ เด็กชายเขียว จึงได้รับมอบหมายให้เป็นล่ามแปลไทยเป็นไทยกล่าวคือ เมื่อ ญาติโยมพูดจบประโยค เด็กชายเขียวก็จะพูดตามคำนั้นอีกครั้งด้วยเสียงอันดัง  หลวงพ่อท่านได้รับรู้ ท่านก็จะพยักหน้ารับ ถ้าญาติโยมพูดจบถ้าท่านได้ยินไม่ชัด หลวงพ่อท่านก็จะมองหน้าด.ช.เขียวฯ ด.ช.เขียวก็พูดประโยคนั้นด้วยเสียงอันดังอีก เมื่อหลวงพ่อพยักหน้าหงึก หงึก นั่นแสดงว่าท่านได้ยินแล้ว โดยที่ ด.ช.เขียวฯอยู่ห่างท่านไกลพอๆกับโยมที่มากราบท่าน นี่อีกประการหนึ่งทำให้ท่านอาจารย์เขียวติดนิสัยพูดเสียงดังฟังชัดตั้งแต่เป็นล่ามเด็กวัดมาจนถึงปัจจุบัน

ตายแล้วเกิดใหม่ ในวัย ๗ ขวบ

คุณอาแม่ชี ละมูล บารมีได้นำไปฝากเข้าโรงเรียนกงฮัก ท่าขุนนาง ใกล้กับวัดป่าธรรมโสภณ เรียนอยู่ ป.๑ ตอนใกล้จะสอบขึ้นชั้น ป.๒ กลับจากเรียนหนังสือขึ้นชั้นบนกุฏิ หลวงพ่อฉายฯ มองเห็นลูกจันทร์ใบใหญ่สุกเหลืองอร่าม เลยรอดตัวออกไปที่ชายคามือหนึ่งเอื้อมจะหยิบลูกจันทร์ แต่อีกมือหนึ่งเกาะลูกกรง จำได้ว่ามือที่จับลูกกรงหลุดจากนั้นก็ไม่รู้อะไรเกิดขึ้นอีกเลย ทราบภายหลังว่า ด.ช.เขียว หลุดจากชั้น๒(เหล่าเต้ง) กลิ้งตกลงมาที่ทางเดินคอนกรีต จากนั้นหมดสติ มีเลือดออกปาก ออกจมูก  ออกทางหู หมดสติไป ๕-๖ วัน นอนป่วยอยู่ รู้สึกตัวอีกทีเมื่ออยู่ โรงพยาบาลอานันทมหิดล อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เป็นข่าวลือกันไปทั่ว ว่าเด็กลูกศิษย์ตัวเล็กของหลวงพ่อฉายฯตายแล้วเกิดใหม่

นอนอยู่ โรงพยาบาลถึงสามเดือนไม่ได้สอบไล่แต่เมื่อกลับมาเรียน ครูให้ขึ้นเรียนชั้น ป.๒ได้เลย ระหว่างที่นอนอยู่โรงพยาบาลที่ยังไม่ได้สติหลายวัน คุณอาแม่ชีบอกว่า หลวงพ่อไปเยี่ยมทุกวันและได้สวดมนต์เป่าไปที่ศีรษะทุกครั้ง เพราะหัวบวมมาก ส่วนค่ารักษาพยาบาลหลวงพ่อบอกกับคุณหมอ ผอ.รพ.ฯลฯว่า ท่านเป็นผู้รับผิดชอบจ่ายทั้งหมด แต่คุณหมอท่านมีความศรัทธาหลวงพ่อฉายมาก คุณหมอบอกท่านว่า “หมอขอทำบุญ เป็นผู้จ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดและขอใช้ความสามารถทางการแพทย์รักษาเต็มความสามารถ” ตามที่ท่านอาแม่ชีละมูลเล่าให้ฟัง

เมื่อมีอาการดีขึ้นก่อนออกจากรพ.คุณหมอขอกับคุณอาแม่ชีว่า ขอ ด.ช.จิระเป็นลูกบุญธรรม จะดูแลและส่งเสียการเล่าเรียนทั้งหมด แต่คุณอาไม่ให้...  ท่านอาจารย์เขียวระลึกกราบขอบพระคุณ คุณหมอตลอดมา ทำบุญอุทิศผลบุญกุศลแก่คุณหมอ ตราบจนปัจจุบันนี้...

ใส่เสื้อผีมาโรงเรียน

ไอ้ระ (เขียว) ใส่เสื้อผีมาโรงเรียนเพื่อนนักเรียนล้อเรื่องจริง เหตุเกิดเมื่อหลังจากหายป่วย ออกจากโรงพยาบาลมหิดล ไม่ได้สอบไล่กับเพื่อนๆเขาที่อยู่ชั้น ป. ๑ เปิดเทอมครูให้เลื่อนชั้นขึ้น ป. ๒   ผ้าสีขาวคลุมโรงศพ ที่หลวงพ่อฉายบังสุกุลมาแล้ว ได้มอบให้คุณอาแม่ชีละมูล นำผ้าขาวมาตัดเป็นเสื้อนักเรียนให้ ด.ช.จิระ (เขียว, หลานชาย) ใส่ไปโรงเรียน เพื่อนๆที่โรงเรียนกงฮัก ท่าขุนนาง ลพบุรี รู้เข้า ก็เลยล้อติดปากกันมาเรื่อยๆว่า ไอ้ ระใส่เสื้อผีล้อกันเรื่อยมาจนชิน...

นอนบนโลงศพในป่าช้า

ครั้นต่อมาที่กุฏิ หลวงพ่อฉายมีเด็กมาอยู่หลายคน แต่ท่านอาจารย์เขียวเป็นเด็กวัดที่อายุน้อยที่สุด มักถูกพี่ๆรังแก คุณอาแม่ชีละมูลได้กราบขอหลวงพ่อฉายให้ไปปรนนิบัติอยู่กับพระหลวงตาหลวง ชื่อจริง พ.ท. หลวง คล่องตรวจโรค  เป็นพระเคร่งปฏิบัติกรรมฐาน ฉันอาหารเวลาเดียว ฝึกด.ช.เขียว บารมีเช่น ขณะที่ผู้ใหญ่นั่งอยู่ถ้าผ่านจะเดินไม่ได้ ต้องย่อตัวแล้วคลานผ่านไป ทุกๆอย่างเกี่ยวกับมารยาทสังคม การตรงต่อเวลา การรักษาคำพูดไม่พูดโกหก ความซื่อสัตย์สุจริต ฯลฯ มีวันหนึ่งท่านพาไปนั่งวิปัสสนากรรมฐาน ในป่าช้า ท้ายวัดป่าธรรมโสภณ โดยท่านปักกรด รอบๆบริเวณนั้นเป็นโลงศพ มีศพอยู่ในโลงด้วย ตั้งเรียงเป็นแถว เนื่องจากเป็นเด็ก ดึกแล้วก็ง่วงนอน ครั้นถ้านอนกับพื้นก็ไม่ราบเรียบ นอนไม่สบาย มีสัตว์แมลงตัวเล็กๆตามพื้นรบกวน เด็กชายเขียวจึงปีนขึ้นไปนอนบนโลงศพที่มีพื้นฝาราบเรียบและสูงจากพื้นไม่มีมดแมลงไต่ตอม ซึ่งในโลงนั้นมีศพอยู่ ใกล้สว่างหลวงพ่อปลุกกลับกุฏิเพื่อเตรียมตัวออกบิณฑบาตต่อไป ทำเช่นนี้บ่อยครั้งจนชิน...



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น