ตอน อัญเชิญพระพุทธรูป “พระชัยบารมี” แก้ปัญหายาเสพติด
ต่อจากตอนที่แล้ว...
เมื่อท่านอาจารย์เขียวกลับจากลาพักผ่อน ได้ประชุมวางแผนนโยบายร่วมกับข้าราชการตำรวจชุดชุมชนมวลชนสัมพันธ์(ชมส.)ของสภ.อ.ศรีเชียงใหม่ และชุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติด วางแผนนโยบาย เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบของสภ.อ.ศรีเชียงใหม่จ.หนองคาย โดยให้ถือว่า “ผู้เสพคือผู้ป่วย” ผู้ค้าหรือผู้จำหน่ายต้องถูกดำเนินการติดตามจับกุมมาลงโทษตามกฎหมายและขยายผลไปสู่ผู้ค้ารายใหญ่ตลอดจนการลำเลียงขนส่งยาเสพติด เนื่องจาก อ.ศรีเชียงใหม่มีพื้นที่ติดต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปปล.) จนข้าราชการตำรวจเข้าใจและร่วมกันดำเนินการตามนโยบาย
การดำเนินการได้มอบหมายให้ตำรวจประจำหมู่บ้านและชุดชมส.ฯประสานงานกับกำนันผู้ใหญ่บ้านและบุคคลสำคัญในหมู่บ้าน โดยเฉพาะ เจ้าอาวาสวัดในพื้นที่นั้นๆ จัดแบ่งกำลังออกเป็นชุดปฏิบัติการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดออกเป็น 2 ชุด ชุดที่หนึ่งทำงานในวันคี่ ชุดที่สองทำงานในวันคู่(เพื่อให้กำลังพลได้มีโอกาสได้พักผ่อนวันเว้นวัน) ถือเป็นการปฏิบัติการในเชิงรุก ส่วนท่านอาจารย์เขียวได้อัญเชิญพระพุทธรูป “พระชัยบารมี” ไปทุกหมู่บ้าน เพื่อตั้งประดิษฐานให้ประชาชนในสถานที่นั้นๆได้กราบไหว้ขอพรในเวลากลางคืนทุกคืน และได้ดำเนินการชี้แจงนโยบายการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด รวมถึงการป้องกันและปราบปรามในพื้นที่นั้นๆอย่างต่อเนื่องทุกวัน และเนื่องจากเมื่อสมัยท่านอาจารย์เขียวมียศเป็นร้อยตำรวจตรี ได้ดำรงตำแหน่งรองสวป.ฯและได้ทำหน้าที่เป็นวิทยากรทสปช.ทุกตำบลทุกหมู่บ้านของอำเภอศรีเชียงใหม่ จนเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2527 ได้รับหนังสือสำคัญยกย่องชมเชย ในฐานะเป็นวิทยากรดีเด่น ของศูนย์ไทยอาสาป้องกันชาติกลาง จากพล.อ. อาทิตย์ กำลังเอก จึงเป็นเหตุให้ได้รับความร่วมมือและมีพี่น้องประชาชนทุกหมู่บ้านเข้าร่วมประชุมรับฟังนโยบาย โดยให้สัจจะเป็นสมาชิกร่วมกันรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดเป็นอย่างดียิ่ง และได้รับการแจ้งข่าว ทำให้สามารถแยกผู้เสพฯ และผู้ค้ารายย่อยได้อย่างชัดเจน(ซึ่งได้ใช้กลยุทธ์ มอบหมายเลขประจำตัวหรือรหัสให้แก่สมาชิกแจ้งข่าว เพื่อป้องกันอันตรายต่อตัวสมาชิก)
ข่าวและผลการทำงานของท่านอาจารย์เขียวด้านยาเสพติด ได้ทราบถึงผู้บังคับบัญชาของตำรวจและกรมการปกครอง ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลได้มอบหมายให้ส่วนราชการทุกส่วนเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามยาเสพติดจังหวัดหนองคาย ได้ประสานขอตัวท่านอาจารย์เขียวจากผู้บังคับการภูธรจังหวัดหนองคาย ให้ไปทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายอำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดหนองคายทั้งนี้ตั้งแต่ 28 ธ.ค. 2541
ต่อมาได้มีคำสั่งจากตำรวจภูธรภาค 4 (ขอนแก่น) ลงวันที่ 9 มี.ค. 2542 ให้ท่านอาจารย์(พ.ต.ท.)เขียว ไปช่วยราชการที่ภาค 4 ซึ่งได้รับความเมตตาจากท่านพล.ต.ท. พิชัย สุนทรสัจบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (ผบช.ภ.4)ในขณะนั้น ได้มอบหมายให้ท่านฯทำหน้าที่เป็นหัวหน้าห้องศูนย์ปณิธานใจ เพื่อช่วยดูแลข้าราชการตำรวจที่ไปช่วยราชการอยู่ที่ภาค 4 และร่วมทำหน้าที่เป็นคณะทำงานแก้ไขปัญหายาเสพติดตามโครงการ “แสงเทียน” ของภาค
โครงการแสงเทียนของภาค 4 ซึ่งได้เริ่มฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้เสพยาเสพติด (ผู้เสพเสมือนผู้ป่วย) ผบช.ภ. 4 ได้มอบหมายให้สถานีตำรวจในพื้นที่ 11 จังหวัดในภาคอีสานตอนบนที่มีความพร้อมดำเนินการ โดยเริ่มตั้งแต่ปีพ.ศ. 2541 เป็นต้นมานั้น ได้บรรลุผลเป็นที่น่าพอใจอย่างดียิ่ง ท่านอาจารย์เขียวได้รับมอบหมายให้เดินทางเป็นวิทยากรบำบัดยาเสพติด ตามโครงการแสงเทียน โดยอัญเชิญพระพุทธรูป “พระชัยบารมี” ประกอบพิธีจิตบำบัดในทุกพื้นที่ เพื่อเป็นการเสริมการบำบัดรักษาตามโครงการแสงเทียนให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ท่านอาจารย์เขียวจึงได้จัดทำโครงการ “แสงเทียนแสงธรรม” โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มแสงเทียน กลุ่มดอกบัว คือกลุ่มที่ผู้เสพยาเสพติดให้โทษได้รับโทษจากศาลให้ถูกกักขังแทนค่าปรับ (ในช่วงนั้นผู้ถูกกักขังแทนค่าปรับ ถูกกักขังที่สถานีตำรวจภูธร) กลุ่มดอกหญ้าคือกลุ่มผู้ติดยาเสพติดให้โทษที่อยู่ตามชุมชนหรือหมู่บ้านต่างๆ กลุ่มพุทธรักษาคือกลุ่มนักเรียน นักศึกษาและกลุ่มดาวโรยคือตำรวจที่ติดสุราและบุหรี่ โดยได้ดำเนินการควบคู่ไปโดยตลอด
ในการดำเนินงานท่านอาจารย์เขียวได้อัญเชิญพระพุทธรูป “พระชัยบารมี” ประกอบพิธีบำบัดยาเสพติดไปในทุกพื้นที่ภาคอีสาน 11 จังหวัดตอนบนและอำเภอต่างๆ ท่านอาจารย์เขียวได้ศึกษาค้นคว้า ค้นหาพุทธบารมี วิธีการต่างๆในการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดด้วยความวิริยะอุตสาหะ อดทนและเสียสละอย่างต่อเนื่อง จนในบางครั้งมีผู้กล่าวขานหรือแม้แต่ตำรวจด้วยกันเองยังได้กล่าวว่า “รองฯเขียว แกเป็นบ้าไปแล้ว อุ้มพระไปก็อุ้มพระมา” ท่านอาจารย์เขียวก็มิได้ท้อแท้ในการทำความดีเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด เพราะท่านฯมีคติว่า “ขอทำงานใช้หนี้แผ่นดิน ตามอุดมคติของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” ทั้งๆที่เป็นนโยบายของผู้บังคับบัญชาชั้นสูงและรัฐบาล ท่านอาจารย์เขียวได้ทุ่มเทกำลังกายกำลังใจแม้ว่าเสี่ยงชีวิตและเสี่ยงภัย ขัดขวางขบวนการค้ายาเสพติด ซึ่งเป็นการขัดผลประโยชน์กับผู้ค้ารายใหญ่ ที่มีผลประโยชน์เกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ ซึ่งข้าพเจ้าเอง(นาย10ฬส)ได้รับฟังการบอกเล่า รวมทั้งได้เห็นบันทึกเอกสารการทำงานต่างๆของท่านอาจารย์เขียวแล้ว ได้รับรู้และรู้สึกถึงการเสียสละเป็นอย่างมากของข้าราชการตำรวจอีกท่านหนึ่ง ที่ฝ่าฟันอุปสรรคถึงขั้นเอาชีวิตเข้าเสี่ยง
ตามนสพ.เดลินิวส์วันศุกร์ที่ 4 มิ.ย. 2542 หน้า26 ภูมิภาคได้รายงานผลการทำงานของท่านอาจารย์เขียวจากการรายงานข่าวของคุณสุพจน์ สอนสมนึก สรุปความได้ดังนี้
ดึงกิจกรรมทางศาสนา ช่วยลดเลิกยาเสพติดอีกแนวทางหนึ่งของการปราบปรามที่ได้ผล
ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ มีผลกระทบไปทั่วประเทศ การช่วยเหลือประชาชนเป็นนโยบาย และมาตรการที่รัฐบาลจะต้องหาทางป้องกันรักษาชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้ปลอดภัยจากภัยพิบัติต่างๆ ตลอดจนบุคคลากรหรือคนที่เป็นทรัพยากรมีค่ายิ่งของประเทศ และเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพยิ่งขึ้นไป เพื่อแนวทางในการพัฒนาที่บรรลุเป้าหมาย
โครงการแสงเทียน หรืออีกนัยหนึ่งเป็นโครงการที่ตำรวจภูธรภาค 4 โดยพล.ต.ท.พิชัย สุนทรสัจบูลย์ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้ให้เป็นนโยบายแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในภาคที่รับผิดชอบได้จัดขึ้นทุกแห่ง ทั้งนี้เพื่อเป็นการสนองตอบนโยบาย
ในการทำงานครั้งนั้นพ.ต.อ.มานะ ขจรเวช ผกก.เมืองสกลนครได้กล่าวว่า “โครงการแสงเทียนได้ขยายงานโครงการลงมาเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เรียกว่ากลุ่มดอกบัว ได้ติดต่อท่านอาจารย์เขียวมาดำเนินการโดยอัญเชิญพระชัยบารมีมาเป็นองค์ประธานในการทำจิตบำบัดยาเสพติด เมื่อเสร็จพิธีกรรมแล้ว ท่านอาจารย์เขียวได้นำบุหรี่(ซึ่งเป็นตัวเชื่อมสิ่งเสพติด)มาให้ทุกคนได้สูบตามความสมัครใจ ปรากฏว่าผู้รับการบำบัดทั้งหมด 32 รายสมัครใจยินดีขอสูบบุหรี่พร้อมกับภาวนาไปด้วย และเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งเมื่อผู้ป่วยทั้งหมดสูบบุหรี่เข้าไปได้ครึ่งมวนเท่านั้น ทุกคนอาเจียนและรากแตกกันแทบทุกคน (โดยทางสภ.อ.เมืองสกลนครเป็นผู้จัดหาบุหรี่ซึ่งได้ซื้อมาจากร้านค้าแถวนั้นโดยไม่ได้เปิดซองมาก่อน) น้ำหูน้ำตาไหลพรากออกมา ทำให้เป็นที่งุนงงแก่ผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์ และผู้ต้องการเลิกทั้ง 32 รายของสภ.อ.เมืองสกลนครเป็นอย่างยิ่ง
คุณสุพจน์ได้กล่าวไว้ในบทความตอนท้ายว่า “ใครไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้อย่าลบหลู่ ถ้าต้องการเห็นด้วยตาตนเอง ก็หาดูได้จากโปรแกรมดินสายรักษาบำบัดของท่านอาจารย์เขียว ตามโครงการแสงเทียนแสงธรรม”
คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยาย
อีกกรณีหนึ่ง ที่ท่านอาจารย์เขียวได้เดินทางไปสภ.อ.เมืองนครพนม ได้ทำพิธีการเหมือนกันทุกแห่งที่ผ่านมา หลังจากจบโครงการบำบัดยาเสพติดครั้งนั้นแล้ว ได้มีจดหมายจากตัวแทนผู้บำบัดลงวันที่ 1 มิ.ย. 2542 ข้าพเจ้านาย10ฬสได้เห็นเอกสารบันทึกอ้างอิงดังกล่าวแล้ว แต่ขอสงวนนามของเจ้าของจดหมายฉบับนี้ไว้ รายละเอียดดังนี้...
ส่ง พ.ต.ท. เขียว บารมี
สถานีตำรวจภูธรภาค 4
จ.ขอนแก่น
สภ.อ.เมืองนครพนม
วันที่ 1 มิถุนายน 2542
กราบเรียนท่านอาจารย์เขียวที่เคารพรักและนับถือ กระผม............... ในนามตัวแทนผู้ต้องขังสภ.อ.เมืองนครพนมมีเรื่องที่จะกราบเรียนท่านอาจารย์เขียว บารมี ขณะนี้พวกเราชาวผู้ต้องขังทุกคนได้ทำภารกิจตามที่ท่านอาจารย์ได้มอบหมายให้ พวกกระผมทำ นั่งภาวนาขอพรพระชัยบารมีเลิกสูบบุหรี่กัญชา หรือยาเสพติดทุกประเภท ตามคำอธิษฐานของแต่ละคนนั้น ได้ผลดีนักแล พวกเราภูมิใจที่เลิกยาเสพติดได้ ตอนนี้บางคนก็พ้นโทษออกไปแล้ว ส่วนที่เหลือก็ไม่กี่คน แต่พวกเรายังกระทำอยู่ทุกวัน พวกเราให้สัญญาว่า จะไม่หวนกลับไปเสพมันอีก พวกเราชาวผู้ต้องขังทุกคน ยังรักและคิดถึงท่านอาจารย์อยู่เสมอ
สุดท้ายนี้กระผมขออวยพร ให้ท่านอาจารย์จงมีความสุขความเจริญต่อไป
จาก.......................
ตัวแทนผู้ต้องกักขังสภ.อ.เมืองนครพนม
จากบันทึกเอกสารรายการตรวจเยี่ยมศูนย์ปณิธานใจ ตำรวจภูธรภาค 4
เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2542 เวลา 10.00 น. มีขัอความดังต่อไปนี้
วันนี้ผมได้นำลูกน้อง 4 คนมารับการบำบัดรักษากับท่านรองผู้กำกับ ในการรักษาโรคพิษสุราเรื้อรัง รู้สึกประทับใจ มีความยินดี ขอสนับสนุนโครงการนี้ ขอขอบคุณยิ่ง
..............................
ผอ.รพศ.ขอนแก่น
โปรดติดตามตอนต่อไป...