วันรุ่งขึ้นตอนเช้า (วันที่ 27 มีนาคม 2541) ท่านอาจารย์เขียวได้เข้าไปติดต่อราชการที่กก.ภ.จว.หนองคาย
ได้อัญเชิญพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวไปด้วย เมื่อเสร็จภาระกิจติดต่อราชการแล้ว
จึงได้เลยต่อไปที่วัดโพธิ์ชัย เพื่อไปช่วยงาน
และได้อัญเชิญพระพุทธรูปดังกล่าวไปที่หน้าวัดด้วย
ซึ่งบริเวณนั้นเป็นแผงพระพระเครื่อง ท่านอาจารย์เขียวได้สอบถามเจ้าของแผงพระว่า
“ถ้าต้องการเอาชาดสีแดงและทองเปลวที่ปิดองค์พระออก
เพราะมองไปที่พระพักตร์ของพระพุทธรูป เหมือนมีคราบน้ำตาทั้ง 2
ข้าง (คล้ายพระร้องไห้)” เจ้าของแผงพระหลายๆคนแถวนั้น เช่น
หมูพระเครื่องหนองคาย ฯลฯ เข้ามาดูกันแล้วตอบว่า “ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้
แต่ต้องขอเงินไปซื้อน้ำยามาล้างออก” ท่านอาจารย์เขียวจึงได้มอบเงินไปให้ 500
บาทและมีผู้ต้องการร่วมสมทบทำบุญจัดหาวัสดุต่างๆเช่น มะขามเปียกเพื่อชำระร้าง ผ้าขาวสำหรับเช็ดองค์พระเป็นต้น หลังจากนั้นท่านอาจารย์เขียวรู้สึกตัวว่าง่วงมาก
คล้ายว่าตัวท่านเองจะเป็นหวัดด้วย จึงได้กินยาแก้หวัด แล้วนั่งพักผ่อนที่หน้าวัดบริเวณนั้น
แล้วหลับไปจนถึงเย็น สะดุ้งตื่นขึ้นมา เพราะได้ยินเสียงคนหลายคน
เจ้าของแผงพระและเซียนพระพูดคุยกัน ได้ยินว่า “พระองค์นี้เป็นพระทองคำ มีเนื้อทองผสมมาก” ท่านอาจารย์เขียวจึงได้มองดูที่องค์พระ
เห็นว่าเป็นสีเหลืองอร่ามสดใส แล้วหลายคนก็ร่วมกันสรงน้ำพระเสร็จแล้ว ในช่วงนั้นมีคนถีบรถสามล้อรับจ้างมาจอดด้านข้างแผงพระนั้น
ได้กล่าววาจาทำนองลบหลู่ ท่านอาจารย์เขียวจึงได้พูดขึ้นว่า “เฮ้ย! ไม่เชื่อ แต่อย่าลบหลู่”
ทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดดัง ตูม!!! สนั่นหวั่นไหว ทุกคนหันไปดูทางที่มาของเสียง ปรากฏว่าเป็นเสียงที่เกิดจากยางรถสามล้อถีบคันนั้นระเบิด
แล้วมีเสียงอุทานดังมาจากกลุ่มคนที่ล้างพระและมุงดูว่า “กู..ว่า..แล้ววว!!!”
จากนั้น ท่านอาจารย์เขียวได้อุ้มอัญเชิญพระพุทธรูปดังกล่าว เข้าไปในพระอุโบสถวางไว้ต่อหน้าหลวงพ่อพระใส
แล้วกราบนิมนต์พระสงฆ์และพระคุณเจ้าที่อยู่ที่นั่นเพื่อเบิกเนตรพระพุทธรูปที่ได้มาใหม่
ตามความเชื่อของหลายๆคน เสร็จแล้วท่านอาจารย์เขียวจึงได้โทรศัพท์แจ้งไปยังหลวงพ่อพิชัย
ที่วัดหนองบัวเงินว่า “พระพุทธรูปที่รับไปเมื่อวานนี้
ได้ล้างเอาสีแดงชาดออกแล้ว สวยสุกใสเหมือนทองคำ” หลวงพ่อบอกว่า “ให้อุ้มมาให้ดูหน่อย” ท่านอาจารย์เขียวจึงได้อัญเชิญกลับไปที่วัดหนองบัวเงิน แล้วได้กล่าวถวายคืนพระพุทธรูป
หลวงพ่อตอบว่า “อาตมาให้แล้ว
ไม่คืนคำ จึงไม่ขอรับคืน” และได้ชมว่า “พระสวยสง่างาม” พร้อมกับหลวงพ่อได้อธิษฐานยกพระเสี่ยงทายว่า
พระพุทธรูปองค์นี้จะไปอยู่กับท่านอาจารย์เขียวตลอดไปจริงมั้ย โดยขอให้องค์พระหนักยกจนไม่ขึ้น ปรากฏว่ายกไม่ขึ้น หลวงพ่ออธิบายว่า "พระพุทธรูปองค์นี้ท่านต้องการมาอยู่กับโยมเขียว เพื่อไปสร้างงาน สร้างบารมี และประทานพรให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ" ซึ่งในตอนนั้นท่านอาจารย์เขียวยังไม่ทราบว่าจะเป็นงานเรื่องอะไรบ้าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น