วันเสาร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2556

ประวัติพระชัยบารมี ตอนที่ 9 ตอนวิทยาศาสตร์ พึ่งพระพุทธคุณ


เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2542 เวลาประมาณ 9 โมงเช้า ณ ที่ห้องปณิธานใจ บช.ภ.4 ได้มีผู้มาขอรับการบำบัดเกี่ยวกับโรคพิษสุราเรื้อรัง 4 คน ซึ่งมีผู้นำพามา ท่านอาจารย์เขียวได้ดำเนินการช่วยเหลือใช้สมาธิจิตบำบัดต่อหน้าพระชัยบารมี ทั้ง 4 คนนั้นมีอาการอาเจียน อวกแตก น้ำมูก น้ำตา เหงื่อไหล ซึ่งเป็นอาการที่ขับพิษออกจากร่างกาย ด้วยสมาธิจิตบำบัด หลังจากนั้นทั้ง 4 คนมีอาการสดชื่น ดีขึ้นทันตาเห็น เมื่อเสร็จพิธีแล้ว ผู้น้ำพาได้บันทึกในการเยี่ยมห้องปณิธานใจ ท่านอาจารย์เขียวจึงได้ทราบว่าท่านเป็นผู้อำนวยการศูนย์โรงพยาบาลขอนแก่น ท่านผู้บัญชาการฯจึงได้ออกมาพบและสนทนากัน
ข้อความที่บันทึกมีดังนี้

วันที่ 14 ก.ค. 2542 10.00 น.
วันนี้ผมได้นำลูกน้อง 4 คนมาบำบัดรักษา กับท่านรองผู้กำกับฯการรักษาโรคพิษสุราเรื้อรัง รู้สึกประทับใจ มีความยินดี ขอสนับสนุนโครงการนี้ ขอขอบคุณยิ่ง
ลงชื่อ ........................
ผอ. รพศ.ขอนแก่น



ประวัติพระชัยบารมี ตอนที่ 8 ชีวิตใหม่ ในโลกใบเก่า นครพนม


ต่อจากนั้นก็ยังเป็นช่วงปลายเดือนพฤษภาคมอยู่ ท่านอาจารย์เขียวได้ไปบำบัดที่สภ.อ.เมืองนครพนม มีผู้ต้องกักขังจำนวนมาก ไม่สามารถนำออกจากห้องกักขังได้ จึงต้องเข้าไปดำเนินการสมาธิจิตบำบัดในห้องขังนั่นเอง ทุกคนก็ได้ล้มตัวนอนเบียดเสียดกัน อยู่ในนั้น อาเจียน อวกแตก น้ำมูก น้ำตา เหงื่อไหลเปียกแฉะได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ก่อนจบพีธีได้ให้กล่าวคำสาบานตนว่า ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดที่ผิดกฏหมายโดยเด็ดขาด  ต่อมาได้มีจดหมายจากตัวแทนผู้ต้องขังแจ้งผลดำเนินการบำบัดยาเสพติดดังสำเนาภาพถ่ายด้านล่าง
สภ.อ. เมืองนครพนม
วันที่ 1 มิถุนายน 2542


กราบเรียบท่านอาจารย์เขียว บารมีที่เคารพรักและนับถือ กระผมนาย ...................... ในนามตัวแทนผู้ต้องขัง สภ.อ.เมืองนครพนม  มีเรื่องที่จะกราบเรียนท่านอาจารย์เขียว บารมี ขณะนี้พวกเราชาวผู้ต้องขังทุกคนได้ทำภารกิจตามที่ท่านอาจารย์มอบหมายให้พวกกระผมทำ นั่งภาวนาขอพรพระชัยบารมี เลิกสูบบุหรี่, กัญชา หรือยาเสพติดทุกประเภทตามคำอธิษฐานของแต่ละคนนั้น ได้ผลดีนักแล พวกเราภูมิใจที่เลิกยาเสพติดได้ ตอนนี้บางคนก็พ้นโทษและออกไปแล้ว ส่วนที่เหลือก็ไม่กี่คน แต่พวกเรายังกระทำอยู่ทุกวัน พวกเราให้สัญญาว่าจะไม่หวนกลับไปเสพมันอีก  พวกเราชาวผู้ต้องขังทุกคนยังรักและคิดถึงท่านอาจารย์อยู่เสมอ

สุดท้ายนี้กระผมขออวยพรให้ท่านอาจารย์ จงมีความสุขความเจริญตลอดไป


( จาก ...............................)
ตัวแทนผู้ต้องขัง สภ.อ. เมืองนครพนม

ประวัติพระชัยบารมี ตอนที่ 7 “ผมเชื่อแล้ว ไม่ขอลบหลู่ เมื่อเลิกแล้ว ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดโดยเด็ดขาด” สกลนคร


ในปี 2542 บช.ภ.4 (กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค4 รับผิดชอบ 11 จังหวัดภาคอีสานตอนบน)ได้รับงบประมาณจัดดำเนินการโครงการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามนโยบายของชาติ ผู้บัญชาการ บ.ช.ภ.4 ในขณะนั้น (พล.ต.ท. พิชัย สุนทรสัจบูลย์) ได้จัดทำโครงการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้โทษ โดยเน้นหลัก “ผู้เสพคือผู้ป่วย ผู้ค้าต้องกวาดล้างจับกุมดำเนินคดีตามกฏหมาย” จึงเกิดโครงการแสงเทียนของบช.ภ.4 คือมุ่งเน้นให้ความรู้ ให้โอกาส แก่ผู้ติดยาเสพติดหรือผู้หลงผิด แจ้งความประสงค์และจุดมุ่งหมายขอเลิกเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเด็ดขาด  ซึ่งแต่ละสถานีตำรวจภูธรทั้ง 11 จังหวัด ก็ได้จัดดำเนินการ โครงการแสงเทียนสนองตอบนโยบาย ให้เสร็จสิ้นภายในปีงบประมาณ 2542

ท่านอาจารย์เขียวได้รับมอบหมายให้ประสานแต่ละจังหวัด แต่ละสถานีตำรวจทั้งภาค4 เข้าดำเนินการบำบัด ฟื้นฟูสภาพจิตใจ และร่างกายของผู้เสพยาเสพติด มิให้กลับไปเสพอีก โดยท่านผู้บัญชาการให้เน้นไปที่ 6 กลุ่มหลักดังต่อไปนี้
  • -      กลุ่มแสงเทียน คือผู้รายงานตัวขอรับบำบัด
  • -      กลุ่มดอกบัว คือกลุ่มที่ถูกกักขังแทนค่าปรับ
  • -      กลุ่มดอกหญ้า คือ กลุ่มผู้ติดยาเสพติดอยู่ตามชุมชน หมู่บ้านต่างๆ
  • -      กลุ่มพุทธรักษา คือกลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
  • -      กลุ่มดาวโรย คือตำรวจที่ติดสุรา บุหรี่ ที่ต้องการเลิก
กลุ่มที่ต้องโทษจำขังในเรือนจำ ซึ่งจะต้องประสานงานกับผู้บัญชาการเรือนจำและสถานพินิจด้วยตนเอง โดยให้ยึดหลักการประสานงาน “บวร” บ คือ บ้าน, ว คือ วัด และ  ร คือ โรงเรียนและส่วนราชการต่างๆ

จากภารกิจดังกล่าวท่านอาจารย์เขียวจึงได้ตระเวนเดินสายกลับไปกลับมา ระหว่างจังหวัด ค่ำไหนนอนนั่น(นอนในรถยนต์คู่ชีพ) ไม่เว้นแต่ละวัน
ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2542 มีการดำเนินการกับกลุ่มดอกบัวครั้งแรกได้เริ่มขึ้นที่สภ.อ.เมืองขอนแก่น ครั้งที่ 2 เริ่มที่สภ.อ.เมืองมุกดาหาร และครั้งที่ 3 ที่สภ.อ.เมืองสกลนคร ซึ่งในขณะนั้นมีท่าน พ.ต.อ. พจน์ มานะขจรเวช ผกก.เมืองสกลนคร ได้นำผู้ต้องกักขังเกี่ยวกับยาเสพติดทั้งหมด 32 คน ออกมาบำบัดที่ลานหน้าโรงพัก เวลาช่วงบ่าย โดยท่านอาจารย์เขียวได้อัญเชิญพระชัยบารมีให้กราบไหว้และกล่าวสาบานตนให้สัจจะ ว่าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยว เกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยเด็ดขาด เมื่อพ้นโทษไปแล้ว ต่อจากนั้นก็ได้เริ่มพิธีจิตบำบัด ปรากฏว่าผู้ต้องกักขังทั้งหมดล้มตัวลงนอนกับพื้น มีอาการน้ำลายไหลฟูมฟาย อาเจียน อวกแตกกระจาย ก่อนจบพิธีจิตบำบัด ท่านอาจารย์เขียวได้ถามว่า มีใครจะทดลองสูบบุหรี่มั้ย  ก็มีคนหนึ่งที่เหมือนจะเป็นคนที่ดื้อหัวแข็งได้ขออาสาทดลองสูบบุหรี่ ท่านอาจารย์เขียวก็ให้เขาเอาบุหรี่ของเขาเองออกมาสูบได้ แค่มือคีบบุหรี่ ก็เกิดอาการตัวสั่นเทาอย่างแรง ไม่สามารถสูบได้ แล้วล้มทั้งยืน เหมือนคนจะเป็นลม คนนั้นจึงรีบสลัดบุหรี่ทิ้งทันที  พอได้สติขึ้นมา จึงรีบลุกแล้วเข้าไปกราบที่องค์พระชัยบารมี กล่าวว่า “ผมเชื่อแล้ว ไม่ขอลบหลู่ เมื่อเลิกแล้ว ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดโดยเด็ดขาด” จึงเป็นที่มาของคำว่า “ไม่เชื่อแต่อย่าลบหลู่” ส่วนคนอื่นๆที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น ไม่มีใครกล้าสูบบุหรี่อีกเลย จนเป็นที่ฮือฮาในการใช้สมาธิจิตบำบัด  ตามที่หนังสือพิมพ์เดลินิวส์วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2542 หน้า 26 ภูมิภาค ได้ลงข่าวไว้



วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

ประวัติพระชัยบารมี ตอนที่ 6 ชาวชุมชนหนองวัดสองละเลิกอบายมุขและยาเสพติด ด้วยสมาธิจิตบำบัด


จากการที่ท่านอาจารย์เขียวได้บุกเบิกงานด้านป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในเขตจังหวัดหนองคาย โดยอัญเชิญพระชัยบารมีไปทั่วทุกแห่งในเขตจังหวัดหนองคาย ต่อมาได้มีคำสั่ง ภ.4 ที่ 299/2542 ลง 9 มีนาคม 2542 ให้พ.ต.ท.เขียว บารมี รองผกก.(ป.) สภ.อ.ศรีเชียงใหม่ ไปช่วยราชการที่ กก.5 บก.อก.ภ.4 มีกำหนด 180 วัน ซึ่งตามปกติการไปช่วยราชการคือการให้พักงานในหน้าที่หลัก เนื่องจากช่วงนั้นมีข่าวลือกันว่าท่านอาจารย์เขียวเพี้ยนไปซะแล้ว จากมือปราบ วิทยากร พิธีกร โฆษก นักจัดรายการสถานีวิทยุ ผู้อำนวยการฝึกลูกเสือชาวบ้าน ได้วางปืน วางอุปกรณ์อื่นๆ หันมาอุ้มพระไป อุ้มพระมาทุกสถานที่ๆท่านเดินทางไป

ท่านอาจารย์เขียวไปรายงานตัวต่อท่าน พล.ต.ท.พิชัย สุนทรสัจบูลย์ ผบช.ภ.4 ท่านได้มอบหมายให้ท่านอาจารย์เขียวลงมาปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้า ณ ห้องศูนย์ปณิธานใจ ซึ่งอยู่ชั้นล่างของกองบัญชาการฯ พร้อมกับได้นิมนต์พระชัยบารมีมาประดิษฐานที่ห้องทำงานนี้ด้วยเพื่อให้ตำรวจที่มาช่วยราชการภ.4 (ซึ่งตำรวจทั้งหมดก็ถูกให้ไปช่วยราชการหรือถูกพักงานจากงานหลักทุกคน) ได้กราบไหว้เพื่อเป็นพลังใจต่อสู้กับอุปสรรคปัญหาในชีวิตต่างๆ จนเป็นที่ศรัทธา และได้มอบภารกิจให้แก่ข้าราชการตำรวจเหล่านั้นร่วมดำเนินการสรรหาบุคคลเด็กและเยาวชนที่ติดยาเสพติด โดยยึดหลักของผู้บังคับบัญชาที่ว่า “ผู้เสพคือผู้ป่วย” นำมาบำบัดที่ห้องปณิธานใจ ปรากฏว่าได้ผลดี จนเป็นที่ฮือฮาของตำรวจภูธรภาค4 และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ท่านอาจารย์เขียวพร้อมด้วยข้าราชการตำรวจจากศูนย์ปณิธานใจ ได้ใช้เวลาช่วงเย็น(นอกเวลาราชการ)ออกไปให้ความรู้และแนวทางการปฏิบัติให้พ้นภัยจากยาเสพติด แก่พี่น้องประชาชนตามหมู่บ้านต่างๆ เช่น เข้าไปดำเนินการที่ชุมชนหนองวัดสอง หลังสถานีรถไฟขอนแก่น โดยอัญเชิญพระชัยบารมีประดิษฐานที่ท้ายรถเก๋งของท่านเอง ท่านอาจารย์เขียวได้บรรยายถึงโทษและภัยอันตรายของยาเสพติด จนประชาชนในชุมชนนั้นมองเห็นเข้าใจถึงภัยและโทษของยาเสพติด จึงมีผู้ขอเข้าร่วมกิจกรรมรับการบำบัดยาเสพติด(ยาบ้า)ทั้งชุมชนเป็นจำนวนร้อยกว่าคน ท่านอาจารย์เขียวจึงได้เริ่มพิธีกรรมขอพรพระชัยบารมี เพื่อบำบัดผู้ติดยาเสพติดทันที ชาวบ้านที่มาร่วมพิธีได้อาเจียน น้ำมูกน้ำตาไหล ผู้ที่เคยสูบบุหรี่ได้ก็ไม่สามารถสูบได้อีก แค่หยิบบุหรี่ ก็เกิดอาการเหม็นและคลื้นไส้อย่างรุนแรงคล้ายจะเป็นลมหมดสติ ยิ่งสร้างพลังศรัทธาให้แก่พี่น้องชุมชนนั้นเป็นอย่างมาก วันรุ่งขึ้นชาวชุมชนหนองวัดสองจึงได้รวมตัวกันมาที่กองบัญชาการฯ ขอพบท่านผู้บัญชาการ(พล.ต.ท.พิชัย สุนทรสัจบูลย์) เพื่อขอบคุณที่ท่านฯได้ส่งท่านอาจารย์เขียวและคณะไปแก้ไข บำบัดและบรรเทาทุกข์จากภัยยาเสพติด อย่างได้ผลมาก ช่วยให้พี่น้องชุมชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติสุข 


หมายเหตุ ท่านใดที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับพระชัยบารมี ที่ได้พบ ได้เห็น ได้ประสบด้วยตนเอง ยินดีที่จะเผยแพร่ เป็นวิทยาทานและเป็นทานบารมี ท่านสามารถส่งเรื่องราวของท่านผ่านทางอีเมล totslot.dnan@gmail.com หรือ โทรศัพท์ 0864480822 ทศฬส ดุสิตพัฒนาภินันท์


วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556

ประวัติพระชัยบารมี ตอนที่ 5 พระชัยบารมีเป็นพระประธานพิธีปลุกเสก ณ วิทยาลัยเทคนิคหนองคาย


จากผลงานที่ได้ทำไว้ที่อำเภอศรีเชียงใหม่ด้วยการเข้าถึงประชาชนทุกหมู่บ้านทุกตำบลของอำเภอศรีเชียงใหม่ ในการรณรงค์ป้องกันและปราบปรามยาเสพมาโดยต่อเนื่องจากเดือนมิถุนายนถึงเดือนธันวาคม2541 ระหว่างนั้น ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายได้เปิดศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดหนองคายที่ศาลากลางฯชั้น3 แต่ยังขาดบุคคลากรในการดำเนินงานหลายตำแหน่ง ได้เห็นผลงานดังกล่าวข้างต้น จึงมีคำสั่งด่วนจากจังหวัดหนองคายที่ 2782/2541 ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2541 ให้มาช่วยราชการประจำศูนย์ฯโดยไม่มีกำหนด

ท่านอาจารย์เขียวได้มารายงานตัวในวันที่ 7 ม.ค. 2542 ต่อท่านผู้อำนวยการศูนย์ พร้อมกับอัญเชิญพระชัยบารมีมาประดิษฐานที่ห้องทำงาน ณ ศาลากลางฯชั้น3 มีข้าราชการ พ่อค้าและประชาชนที่รู้ข่าวได้มากราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคล และได้ออกรณรงค์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามสถานศึกษา ชุมชนหมู่บ้าน อย่างต่อเนื่องเหมือนที่ได้ปฏิบัติมาที่อำเภอศรีเชียงใหม่ ซึ่งเป็นภารกิจที่หนัก เสี่ยงอันตราย โดยที่ท่านอาจารย์เขียวได้ยึดมั่นตามอุดมคติตำรวจ
เคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่
กรุณาปราณีต่อประชาชน
อดทนต่อความเจ็บใจ
ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก
ไม่มักมากในลาภผล
มุ่งบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
ดำรงตนในยุติธรรม
กระทำการด้วยปัญญา
รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต
จึงได้รับการสนับสนุนจากผู้อำนวยการศูนย์(ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย)เป็นอย่างดียิ่ง ได้จัดทำแผ่นพับ “โครงการสร้างภูมิคุ้มกันต้านภัยยาเสพติด(ด้วยจิตบำบัด)” ในนามของศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดหนองคาย






ต่อจากนั้นผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคหนองคายได้กราบอัญเชิญพระชัยบารมีมาเป็นพระพุทธรูปประทานประกอบพิธีบวงสรวงไหว้ครู ปลุกเสกพระวิษณุเทพ ณ วิทยาลัยฯ และได้เกิดพุทธปาฏิหารย์ หลายประการ ต่อหน้าคณะครูอาจารย์ ผู้ปกครองและนิสิตนักศีกษาหลายร้อยคน โดยมีผู้อำนวยการวิทยาลัยเป็นผู้ประกอบพิธีกรรม ระหว่างนั้นมีนักศีกษาจำนวนมากได้มีอาการตัวโยกโคลง คล้ายพิธีการประทับทรงพร้อมๆกัน โดยที่นักศึกษาที่โยกโคลงเหล่านั้นมิเคยมีประสบการณ์แบบนั้นมาก่อน นั่งสั่นบ้าง นั่งในท่าทางต่างๆบ้าง และพูดจาออกเสียงเป็นภาษาที่ไม่เข้าใจ ท่านอาจารย์เขียวได้สอบถามนักศึกษาที่ตัวสั่นบางคนก็ตอบว่า ท่านเป็นเทพ บางคนก็บอกว่าท่านเป็นฤาษี มาร่วมพิธีเพื่อปลุกเสกและอำนวยพรให้ทุกคนที่มาร่วมงานนี้มีความสุขมีความสำเร็จ จนเป็นเรื่องเล่ากล่าวขานของชาวหนองคายในช่วงเวลานั้น ส่วนพระวิษณุเทพที่ทำการปลุกเสกรุ่นนั้นก็มีผู้มาบูชาไปจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว