ในปี 2542 บช.ภ.4 (กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค4
รับผิดชอบ 11 จังหวัดภาคอีสานตอนบน)ได้รับงบประมาณจัดดำเนินการโครงการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามนโยบายของชาติ
ผู้บัญชาการ บ.ช.ภ.4 ในขณะนั้น (พล.ต.ท. พิชัย สุนทรสัจบูลย์) ได้จัดทำโครงการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้โทษ
โดยเน้นหลัก “ผู้เสพคือผู้ป่วย ผู้ค้าต้องกวาดล้างจับกุมดำเนินคดีตามกฏหมาย” จึงเกิดโครงการแสงเทียนของบช.ภ.4
คือมุ่งเน้นให้ความรู้ ให้โอกาส แก่ผู้ติดยาเสพติดหรือผู้หลงผิด
แจ้งความประสงค์และจุดมุ่งหมายขอเลิกเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเด็ดขาด ซึ่งแต่ละสถานีตำรวจภูธรทั้ง 11 จังหวัด ก็ได้จัดดำเนินการ
โครงการแสงเทียนสนองตอบนโยบาย ให้เสร็จสิ้นภายในปีงบประมาณ 2542
ท่านอาจารย์เขียวได้รับมอบหมายให้ประสานแต่ละจังหวัด
แต่ละสถานีตำรวจทั้งภาค4 เข้าดำเนินการบำบัด ฟื้นฟูสภาพจิตใจ และร่างกายของผู้เสพยาเสพติด
มิให้กลับไปเสพอีก โดยท่านผู้บัญชาการให้เน้นไปที่ 6 กลุ่มหลักดังต่อไปนี้
- - กลุ่มแสงเทียน คือผู้รายงานตัวขอรับบำบัด
- - กลุ่มดอกบัว คือกลุ่มที่ถูกกักขังแทนค่าปรับ
- - กลุ่มดอกหญ้า คือ กลุ่มผู้ติดยาเสพติดอยู่ตามชุมชน หมู่บ้านต่างๆ
- - กลุ่มพุทธรักษา คือกลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
- - กลุ่มดาวโรย คือตำรวจที่ติดสุรา บุหรี่ ที่ต้องการเลิก
จากภารกิจดังกล่าวท่านอาจารย์เขียวจึงได้ตระเวนเดินสายกลับไปกลับมา
ระหว่างจังหวัด ค่ำไหนนอนนั่น(นอนในรถยนต์คู่ชีพ) ไม่เว้นแต่ละวัน
ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2542 มีการดำเนินการกับกลุ่มดอกบัวครั้งแรกได้เริ่มขึ้นที่สภ.อ.เมืองขอนแก่น
ครั้งที่ 2 เริ่มที่สภ.อ.เมืองมุกดาหาร และครั้งที่ 3 ที่สภ.อ.เมืองสกลนคร
ซึ่งในขณะนั้นมีท่าน พ.ต.อ. พจน์ มานะขจรเวช ผกก.เมืองสกลนคร ได้นำผู้ต้องกักขังเกี่ยวกับยาเสพติดทั้งหมด
32 คน ออกมาบำบัดที่ลานหน้าโรงพัก เวลาช่วงบ่าย
โดยท่านอาจารย์เขียวได้อัญเชิญพระชัยบารมีให้กราบไหว้และกล่าวสาบานตนให้สัจจะ
ว่าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยว เกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยเด็ดขาด เมื่อพ้นโทษไปแล้ว ต่อจากนั้นก็ได้เริ่มพิธีจิตบำบัด
ปรากฏว่าผู้ต้องกักขังทั้งหมดล้มตัวลงนอนกับพื้น มีอาการน้ำลายไหลฟูมฟาย อาเจียน
อวกแตกกระจาย ก่อนจบพิธีจิตบำบัด ท่านอาจารย์เขียวได้ถามว่า มีใครจะทดลองสูบบุหรี่มั้ย
ก็มีคนหนึ่งที่เหมือนจะเป็นคนที่ดื้อหัวแข็งได้ขออาสาทดลองสูบบุหรี่
ท่านอาจารย์เขียวก็ให้เขาเอาบุหรี่ของเขาเองออกมาสูบได้ แค่มือคีบบุหรี่ ก็เกิดอาการตัวสั่นเทาอย่างแรง
ไม่สามารถสูบได้ แล้วล้มทั้งยืน เหมือนคนจะเป็นลม คนนั้นจึงรีบสลัดบุหรี่ทิ้งทันที พอได้สติขึ้นมา จึงรีบลุกแล้วเข้าไปกราบที่องค์พระชัยบารมี
กล่าวว่า “ผมเชื่อแล้ว ไม่ขอลบหลู่ เมื่อเลิกแล้ว
ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดโดยเด็ดขาด” จึงเป็นที่มาของคำว่า “ไม่เชื่อแต่อย่าลบหลู่”
ส่วนคนอื่นๆที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น ไม่มีใครกล้าสูบบุหรี่อีกเลย จนเป็นที่ฮือฮาในการใช้สมาธิจิตบำบัด ตามที่หนังสือพิมพ์เดลินิวส์วันศุกร์ที่ 4
มิถุนายน พ.ศ. 2542 หน้า 26 ภูมิภาค ได้ลงข่าวไว้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น